ท่ามกลางพายุฝนที่พัดมาในเดือน กันยายน รถของเราวิ่งขึ้นสู่เส้นทางภาคเหนือของประเทศ จุดหมายปลายทางของเรา อยู่ที่ จ. อุตรดิตถ์ เรามาที่นี่เพื่อมาดูประเพณีเก่าแก่ของชาวล้านนา ซึ่งเชื่อว่าหลงเหลืออยู่ที่นี่เพียงแห่งเดียว ประเพณีนี้มีชื่อว่า “ ค้างบูยา “
เลยจาก จ. อุตรดิตถ์มาราวเกือบ 10 กม. เราก็จะพบป้ายประตูทาง เข้า เมืองลับแล เมืองที่ผู้คนอาจจะได้รับรู้จากนิยายปรัมปรามาแตกต่างมากมายหลายด้าน แต่ภาพที่เราเห็นในความรู้สึกแรก เมืองลับแลเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีผู้คนไม่มากนัก และยังคงสภาพดั้งเดิมไว้อย่างดี สภาพบ้านไม้ที่เป็นที่อยู่อาศัยยังพอมองเห็นได้ทั่วไป
เราผ่านออกมาจากนอกตัวเมืองลับแล ไปทางถนนลาดยางสองเลนแคบๆ ผ่านเนินเล็กๆ มากมาย ไม่นานเราก็มาถึงยัง “ ม่อนลับแล “
เราได้พบกับหญิงสาวชาวลับแล คุณกัญญาวีร์ ศิริกาญจนารักษ์ ผู้ซึ่งเป็นผู้นำหญิงแกร่ง ที่พลิกฟื้นรากวัฒนธรรมของชุมชนขึ้นมาใหม่ เราได้พูดคุยกับเธอในเบื้องต้น เพื่อได้ทราบถึงประวัติบางส่วนของ ลับแล
ชุมชนลับแล เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีอายุยาวนานกว่า 1000 ปี ตั้งแต่ยุคอาณาจักร ล้านนา แต่ผู้คนทั่วไปอาจจะไม่ค่อยได้รับรู้เรื่องราวของเมืองนี้มากนัก อาจจะเป็นเพราะสภาพทางกายภาพที่ห้อมล้อมไปด้วยภูเขา ทำให้อาจจะไม่ค่อยมีผู้คนแวะเวียนเข้ามามากนักในอดีต แต่ก็ทำให้เกิดข้อดีคือ ที่นี่จะมีความคงอยู่ของวัฒนธรรมดั้งเดิมอยู่ค่อนข้างมาก ผู้คนที่นี่เป็นการผสมผสานของหลากหลายเชื้อชาติ พวกเขา การแต่งกาย วัฒนธรรม และมีภาษาพูดและเขียนของตัวเอง และเพิ่งจะถูกรื้อฟื้นขึ้นมาเป็นบทเรียนในกับอนุชนรุ่นถัดมา ในไม่กี่ปีนี้เอง
กลับมาคุยเรื่อง ประเพณีบุญ ค้างบูยา ( ค้างหมายถึง กิ่ง ก้าน ต้นไม้ บูยา คือ มวนยา ) เป็นพิธีกรรมการทำบุญให้กับบรรพบุรุษ โดยจะจัดให้มีพิธี ค้างบูยา ในทุกวันพระ ตลอดเดือนของการเข้าพรรษา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปในแต่ละวัดในละแวกบ้าน ชาวบ้านในแต่ละหมู่ จะจัดเตรียม ค้างบูยา ของตน ในคืนก่อนวันมีพิธี 1 คืน คืนนี้เราจึงมาดูการทำ ค้างบูยา ของชาวบ้านกันค่ะ
ค้างบูยา เดิมอาจใช้เป็นกิ่งไม้ แล้วนำเอาสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆที่ชาวบ้านบริจาคมา มาห้อยแขวน คล้ายๆ ต้นกฐิน ทางภาคกลาง แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนรูปแบบไปบ้าง เป็นการทำค้างบูยา สูง มีก้านไม้สำหรับจับถือด้านล่าง วางผลไม้ต่างๆ ประดับด้วยมวนยา บางครั้งก็ใช้หลอดกาแฟตัดขนาดเท่ามวนยาทดแทน ประดับประดาด้วยของใช้ต่างๆ และมีใบเป็นธนบัตร ที่ชาวบ้านร่วมกันบริจาค จัดประดับอย่างสวยงาม
ชาวบ้านมาร่วมกันทำ และบริจาคเพื่อประดับตกแต่ง ค้างบูยา โดยความศรัทธา ในวันนี้ เรามาดูการทำค้างบูยา กันที่บ้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ผู้ใหญ่สวัสดิ์ ถายา
ชะลอมเล็กๆ เขามีไว้ทำอะไรกันน่ะ ฉันคิดในใจ แล้วคุณป้าก็อธิบายว่าเขาใส่อะไรลงไปในชะลอมบ้างค่ะ มีทั้งขนม ข้าว น้ำ ข้าวเหนียว กับข้าว เกลือ น้ำ หมากพลู และผลไม้ต่างๆ ประดับด้วยดอกไม้ ธูปปักบนชะลอมค่ะ
พอตอนเช้าประมาณ 3 โมงเช้า ชาวบ้านจะมารวมตัวกันที่บ้านผู้ใหญ่ ต่างคนก็จะชะลอมของตัวเอง ใส่กระจาด ไม้คาน มาหาบเป็นขบวนเข้าวัดโดยพร้อมเพรียงกันค่ะ
ในขบวนก็จะมีกลองยาวนำหน้าขบวน มีคนมาร้องรำทำเพลงเป็นที่สนุกสนาน แล้วก็ ค้างบูยา ขบวนหาบกระจาด
พอถึงวัด ก็จะมีการทำบุญตักบาตรข้าวเหนียว การฟังเทศน์ สวดมนต์ อุทิศส่วนกุศล
วันที่เราไปบันทึกภาพ เราไป 2 วัดด้วยกัน คือ วัดดอยมูล และวัดปทุมคงคา ซึ่งที่วัดปทุมคงคา จะมีวัดที่มาร่วมกันในปีนี้ 13 วัด ค้างบูยา ก็จะถูกถวายวัดต่างๆ โดยการจับฉลากว่าจะได้ของหมู่บ้านไหน หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนไปในแต่ละวัด
ชุมชนลับแล ได้มีการจัดประเพณี ค้างบูยา เป็นประจำทุกปีตามปฎิทินทางจันทรคติ สำหรับในปีนี้ ตรงกับวันต่างๆ ดังนี้ค่ะ
ขึ้น 8 ค่ำเดือน 9 วันที่ 25 สิงหาคม
ขึ้น 15 ค่ำเดือน 9 วันที่ 1 กันยายน
แรม 8 ค่ำเดือน 9 วันที่ 9 กันยายน
แรม 15 ค่ำเดือน 9 วันที่ 15 กันยายน
ขึ้น 8 ค่ำเดือน 10 วันที่ 23 กันยายน
ขึ้น 15 ค่ำเดือน 10 วันที่ 30 กันยายน
แรม 8 ค่ำเดือน 10 วันที่ 8 ตุลาคม
สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะไปชมประเพณี "ค้างบูยา " ที่คงเหลืออยู่เพียงชุมชนลับแล ที่เดียวในประเทศไทย ไปเป็นหมู่คณะ ร่วมทำบุญประเพณี ค้างบูยา กับชาวบ้านลับแล ติดต่อไปที่
คุณรัศ เสือน้อย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 089-8398094